วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

มะขามป้อม


ชื่อของมะขามป้อม
ชื่อพื้นเมือง มะขามป้อม (ทั่วไป) กันโตด (เขมร-จันทบุรี) กำทวด (ราชบุรี) มั่งลู่ สันยาส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica Linn.
ชื่อวงศ์ มะไฟ Euphorbiaceae
ชื่อสกุลไม้ มะขามป้อม Phyllanthus L.
ชื่อสามัญ Emuc myrabolan, Malacca tree

มะขามป้อม (Indian gooseberry) ชาวฮินดูเรียกมะขามป้อมอีกชื่อหนึ่งว่า "อะมะลา" หรือ "อะมะลิกา"มะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซี นอกจากวิตามินซีช่วยป้องกันหวัด ทำให้ชุ่มคอ บำรุงเสียงแล้ว วิตามินซียังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ มะขามป้อมจึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในรูปแบบอาหารเสริม เพื่อบำรุงตับ และป้องกันโรคเรื้อรัง ลดโอกาสการแพ้ที่เกิดจากสารเคมี วิตามินซีที่พบอยู่ในผลมะขามป้อมมีมากที่สุดในโลกเมื่อเปรียบเทียบกับพืชทุกชนิด ที่สำคัญที่หลายคนมองข้ามและไม่รู้ก็คือ ในผลของมะขามป้อมจะมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นานในผลแห้งของมะขามป้อมที่เก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าเก็บผลมะขามป้อมผลแห้งไว้ในตู้เย็นนาน 1 ปี จะเสียวิตามินซีไปเพียง 20% เท่านั้น คนอินเดียมีความเชื่อว่าถ้ารับประทานผลมะขามป้อมเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้มีความพอเหมาะพอดี การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งเป็นผลต่อการป้องกันโรคได้ มะขามป้อมเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือ กันโตด (เขมร - กาญจนบุรี) กำทวด (ราชบุรี) มะขามป้อม (ทั่วไป) มั่งลู่, สันยาส่า (กะเหรี่ยง - แม่ฮ่องสอน)











ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลาง สูง 8-12 เมตร ลำต้นมักคดงอ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา กิ่งก้านแข็งและเหนียวผิวเรียบหรือค่อนข้างเรียบ เปลือกในสีชมพูสด ใบเดี่ยว มีลักษณะใบประกอบคล้ายใบมะขาม รูปขอบขนานติดเรียงสลับ กว้าง1- 5 มม. ยาว 4-15 มม. ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบมนหรือเว้าเข้า ขอบใบเรียบ สีเขียวอ่อนเรียงชิดกัน  เส้นแขนงใบไม่ชัดเจนดอกขนาดเล็กแยกเพศ แต่อยู่บนกิ่งหรือต้นเดียวกัน ออกตามง่ามใบ 3-5 ดอกแน่น ตามปลายกิ่ง ดอกมีกลีบเลี้ยง 6 กลีบ ดอกสีขาวหรือขาวนวล มีเกสรเพศผู้สั้นๆ 3-5 อัน ก้านดอกสั้น ผล รูปทรงกลม ขนาด 1.3-2 ซม. เป็นพูตื่นๆ 6 พู ผิวเรียบ  ผลทรงกลมมีเนื้อหนา 1.2-2 ซม. ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน ผลแก่มีเขียวอ่อนค่อนข้างใส มีเส้นริ้วๆ ตามยาว สังเกตได้ 6 เส้น เนื้อผลรับประทานได้มีรสฝาดเปรี้ยว ขมและอมหวาน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็งมี 6 เส้น เมล็ดมี 6 เมล็ด
ระยะเวลาในการออกดอกและเป็นผล ประมาณเดือนกันยายน และเป็นผลประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์

การขยายพันธุ์ นิยมใช้เมล็ดที่กระตุ้น ด้วยความร้อนก่อนที่จะนำไปเพาะ

คุณค่าทางอาหาร
กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงานสารอาหารของลูกมะขามป้อมสด เปรียบเทียบกับลูกมะขามป้อมแช่อิ่ม ในส่วนที่กินได้ ๑๐๐ กรัม และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
สารอาหาร                 ผลสด             แช่อิ่ม              หน่วย
พลังงาน                      ๕๘.๐๐               ๒๒๒               แคลอรี
น้ำ                              ๘๔.๑๐            ๓๗.๖๐               กรัม
ไขมัน                             ๐.๕๐              ๐.๖๐                กรัม
คาร์โบไฮเดรต            ๑๔.๓๐          ๕๙.๘๐                กรัม
เส้นใยอาหาร                 ๒.๔๐              ๑.๐๐                กรัม
โปรตีน                           ๐.๗๐             ๐.๕๐                 กรัม
แคลเซียม                         ๒๙                ๓๙                 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส                         ๒๑                ๑๘                 มิลลิกรัม
เหล็ก                               ๐.๕                ๑.๒                มิลลิกรัม
วิตามินเอ                        ๑๐๐                  -                   หน่วยสากล
วิตามินบี                    ๑ ๐.๐๓              ๐.๐๒                มิลลิกรัม
วิตามินบี                    ๒ ๐.๐๔              ๐.๐๙               มิลลิกรัม
ไนอะซิน                           ๐.๒                ๐.๑                มิลลิกรัม
วิตามินซี                        ๒๗๖                   ๓

สารที่พบ
ผลสด มีวิตามินซี ร้อยละ ๑-๑.๘ นับว่ามีปริมาณมากและปริมาณค่อนข้างแน่นอน (วิตามินซีในน้ำคั้นจากผลมะขามป้อม มีมากประมาณ ๒๐ เท่าของน้ำส้มคั้น มะขามป้อม ๑ ผล มีปริมาณวิตามินซีเทียบเท่าที่มีในผลส้ม ๑-๒ ผล) นอกจากนั้นยังมี สารแทนนิน (tannin) ร้อยละ ๒๘
ผลแห้ง มีกรดมิวซิก (mucic acid) ร้อยละ ๔-๙
เปลือกผล มีกรดเอลลาจิก (ellagic acid), กรดฟิลเลมลิก (phyllemblic acid) และสารฟีนอลส์ (phenols)
เนื้อผลสด มีน้ำร้อยละ ๘๑.๒ โปรตีนร้อยละ ๐.๕ ไขมันร้อยละ ๐.๑ คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ต่างๆ กรดนิโคตินิก วิตามินซี เพ็กทิน และแทนนินจำนวนมาก
เมล็ด มีน้ำมัน (fixed oil) ประมาณร้อยละ ๒๖ (ประกอบด้วย linolenic acid ร้อยละ ๘.๘, linoleic acid ร้อยละ ๔๔, oleic acid ร้อยละ ๒๘.๔, stearic acid ร้อยละ ๒.๒, palmitic acid ร้อยละ ๓, myristic acid ร้อยละ ๑) นอกจากนั้น ยังมี phosphatides และน้ำมันระเหยอีกเล็กน้อย
ใบ มี amlaic acid, lupeol, มีแทนนิน ร้อยละ ๒๒ ของน้ำหนักแห้ง
เปลือกต้น มี lupeol, leucodelphinidin มี แทนนิน ร้อยละ ๘-๙ ของน้ำหนักแห้ง
กิ่งก้านเล็ก มีแทนนิน ร้อยละ ๒๑ ของน้ำหนัก แห้ง
ราก มี lupeol, ellagic acid

ส่วน ของ "มะขามป้อม" ที่นำไปใช้ประโยชน์
ราก น้ำต้มรากของต้นมะขามป้อม กินเป็นยาลดไข้ เป็นยาเย็น ฟอกเลือด และทำให้อาเจียน ถ้ากลั่นรากจะได้สารที่มีคุณสมบัติเป็นยาฝาดสมานที่ดีกว่าสีเสียด
ลำต้น มีเนื้อไม้แข็ง แช่อยู่ในน้ำมีความคงทนมาก ใช้งานได้ดี ใช้ทำเครื่องประดับ เสาเข็ม หรือใช้เป็นเชื้อเพลิง
ต้น เปลือก เป็นยาฝาดสมาน
ใบ น้ำต้มใบใช้อาบลดไข้
ใบแห้ง มีแทนนินมากใช้ย้อมเส้นใย เช่น ไหม ขนสัตว์ ให้สีน้ำตาลเหลือง แต่ถ้าใช้เกลือของเหล็ก เช่น เฟอร์รัสซัลเฟตเป็นตัวช่วยทำให้สีติดทนจะได้ สีดำ
ดอก มีกลิ่นหอมคล้ายผิวมะนาว ใช้เข้าเครื่องยา เป็นยาเย็นและยาระบาย
ยางจากผล รสเปรี้ยวฝาดขม หยอดตาแก้อักเสบ กินช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ
เมล็ด ชงน้ำร้อนกินแก้ไข้ โรคเกี่ยวกับน้ำดี คลื่นไส้ อาเจียน หืด หลอดลมอักเสบ และใช้ล้างตา แก้โรคตาต่างๆ เมล็ดเผาเป็นเถ้าผสมน้ำมันพืช ใช้ทาแก้หิดและแผลตุ่มคันต่างๆ น้ำมันบีบจากเมล็ดใช้ทาศีรษะ ทำให้ผมดกดำขึ้น ทาครั้งแรกๆ ผมเก่าจะหลุดร่วงไป แล้วผมใหม่จะงอกขึ้นมาดกขึ้น
การศึกษาวิจัยเพื่อนำมะขามป้อมไปใช้ประโยชน์
ต้านอนุมูลอิสระ : พบว่าสารจากมะขาม-ป้อมต้านอนุมูลอิสระได้ดีมาก แม้ว่ามะขามป้อมจะมีวิตามินซีสูงมากแต่ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมิได้เกิดจากวิตามินซีเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันพบว่าในมะขามป้อมมีสารพวกแทนนินซึ่งประกอบด้วย emblicanin A 37% emblicanin B 33% punigluconin 12% และ peduculagin 14%

ต้านแบคทีเรีย
ผลมะขามป้อม ทำให้เป็นกรดด้วยกรดเกลือ แล้วสกัดด้วยอีเทอร์ และแอลกอฮอล์ สารสกัดทั้งสองนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย แต่ไม่มีผลต่อเชื้อรา สารสกัดด้วยอีเทอร์มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้แรงกว่าสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ ในความเข้มข้นขนาด ๐.๑๒ มก. ต่อ มล. จะยับยั้งการเจริญของเชื้อ Staphylococcus aureus, Salmonella typhosa และ Salmonella paratyphi และในความเข้มข้นขนาด ๐.๔๒ มก. ต่อมล. สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Staphylococcus albus,Salmonellaschottmulleri และ Shigella dysenteriae
น้ำสกัดจากเปลือกต้น มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อ Staphylococcus aureus, Streptococcus strain B, Pseudomonas aeruginosa และ Escherichia coli

ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
สารสกัดจากผลมะขามป้อมยังมีฤทธิ์ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน โดยทดลองให้หนูใหญ่ที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย (โดยการฉีด isoproterenol เข้าใต้ผิวหนัง ขนาด ๘๕ มก.ต่อน้ำหนักตัว ๑ กก. ติดต่อกัน ๒ วัน) และกินสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์จากผล ในขนาด ๑ กรัมต่อน้ำหนักตัว ๑ กก. ติดต่อกัน ๒ วัน ตรวจดูผลหลังจากฉีด isoproterenol เข็มแรกแล้ว ๔๘ ชั่วโมง หนูใหญ่กลุ่มที่ฉีด isoproterenol อย่างเดียว มี cardiac glycogen ลดลง และระดับของ SUOT, SGPT และ LDH เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด ส่วนกลุ่มที่ฉีด isoproterenol และให้กินสารสกัดจากผลจะมีระดับของ cardiac glycogen เพิ่มขึ้น ระดับของเอนไซม์ SGOT, SGPT และ LDH ลดลงอย่างเด่นชัด
นอกจากนี้ ยังมีการทดลองพบว่าสารสกัดของมะขามป้อมมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือดทั้งในสัตว์ทดลองและคน มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง มีฤทธิ์ต้านไวรัส มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ เพิ่มภูมิคุ้มกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น