ความสำคัญของน้ำต่อสิ่งมีชีวิต
น้ำสำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก
ชีวิตจะดำรงอยู่ไม่ได้หากปราศจากน้ำ เนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยน้ำเป็นหลัก มนุษย์เราอาจอดอาหารได้นานกว่า
1 เดือน
แต่ไม่สามารถอดน้ำได้เกิน 7 -10 วัน
เพราะต้องมีการทดแทนการสูญเสียน้ำของร่างกายทางไตและทางผิวหนังในรูปของของเสียตลอดเวลา
เลือดเนื้อที่เป็นองค์ประกอบของร่างกายคนนั้น มีน้ำจำนวนราวร้อยละ 60 - 75 ของน้ำหนักตัว
คนในวัยหนุ่มจะมีจำนวนร้อยละ 75 และจะลดลงไปเรื่อย ๆ
จนถึงประมาณร้อยละ 65 -60 ในวัยชรา
น้ำแทรกอยู่ในทุกอณูของร่างกายตามสัดส่วนที่ต่างกัน เช่น มีน้ำราวร้อยละ 79 ในหัวใจ
ปอด และเลือด ร้อยละ 76 ในกล้ามเนื้อ ร้อยละ
75 ในสมอง
ร้อยละ 70
ในตับ ร้อยละ 22 ในกระดูก และร้อยละ 2 -10 ในฟัน ขณะเดียวกันก็มีการขับน้ำออกจากร่างกายตลอดเวลาเช่นกัน
เช่น ทกครั้งที่เราหายใจ เรากักตุนอากาศเข้าไว้ในปอดครั้งละครึ่งลิตร
แต่ลมหายใจออกเป็นน้ำในสภาพของไอ เราจึงสูญเสียน้ำจากการหายใจออกเฉลี่ยประมาณครึ่งลิตรต่อวัน
ต่อมน้ำลายสามคู่ที่อยู่ใต้ลิ้นจะพ่นน้ำลายออกหล่อเลี้ยงปากวันละหนึ่งลิตร
เส้นโลหิตฝอยพัน ๆ เส้นภายในลำไส้จะดูดซึมน้ำวันละ 5 ลิตร และ
2 ใน
3 ของมวลสารอาหารที่ย่อยแล้วจากกระเพาะและลำไส้เล็กนั้นเป็นน้ำ
โดยลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่กรองน้ำออกจากร่างกายกลายเป็นเหงื่อ
เมื่อเราออกกกำลังกายหรือช่วงอากาศร้อน
ร่างกายจะขับเหงื่อออกมาเพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น
แต่ก็ทำให้สูญเสียน้ำออกไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
คนต้องดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 - 2.5 ลิตร ผู้ที่ชอบดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ทำให้กระตุ้นการขับปัสสาวะซึ่งเท่ากับลดระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย จึงต้องดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป เราสามารถดื่มน้ำได้ตลอดเวลา และควรดื่มน้ำตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนนอน และครึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างอาหาร นอกจากนั้น ยามใดที่รู้สึกไม่สบาย ปวดศรีษะ เหนื่อยหรืออ่อนกำลังลง กระเพาะมีกรดมากไป ท้องผูก หัวใจเต้นผิดปกติ เครียด เป็นต้น วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยได้ทันทีคือดื่มน้ำเพิ่มขึ้น น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นน้ำชนิดเดียวที่มีสรรพคุณทุกชนิดพร้อมในตัว
น้ำที่ดีควรมีเกลือแร่และธาตุโลหะผสมปนอยู่หลายชนิดในสัดส่วนที่พอเหมาะ เมื่อเข้าสู่ร่างกายคนก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีที่ช่วยกระตุ้น ฟื้นฟู และธำรงความสมดุลของแร่ธาตุที่ประกอบเป็นร่างกายคน น้ำที่ไม่มีเกลือแร่เจือปนเลยหรือมีสารที่ร่างกายไม่ต้องการปนอยู่มากเกินไปนั้นไม่ดีต่อร่างกาย จริง ๆ แล้ว น้ำที่ได้จากวัฏจักรตามธรรมชาติของน้ำจะเป็นน้ำที่ดีพอ เพราะมันมีเวลาไหลลงสู่ชั้นพื้นดินตื้นลึกต่าง ๆ ผ่านเขตอุณหภูมิต่าง ๆ ในพื้นโลกแล้วไหลขึ้นมากับต้นไม้ป่าไม้ คายออกซิเจนหรือไหลเซาะดินตามทางที่ผ่านลงสู่ทะเล มีการคำนวณกันว่าปริมาตรน้ำที่ไหลวนจากแม่น้ำลำคลองและธารน้ำต่าง ๆ รวมกันลงทะเลและกลับขึ้นไปเป็นฝนมีจำนวนประมาณ 9,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร แต่วัฏจักรดังกล่าวถูกรบกวนมากขึ้นทุกที เนื่องจาการทำลายป่าเพื่อสร้างชุมชนใหม่ ๆ ความจริงตามวัฏจักรนี้ น้ำได้ผนวกเอาสารเกลือแร่ทั้งจากดินและบรรยากาศเอาไว้ แต่การที่มีระบบเก็บกักน้ำในที่โล่ง และมีกำแพงขอบกั้นในลักษณะของเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะในเขตร้อน ทำให้ร้อยละ 25 ของน้ำดังกล่าวระเหยไปในอากาศ คุณภาพตามธรรมชาติของน้ำถูกทำลายไปเสีย ที่จริงแล้วน้ำจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติเป็นน้ำที่ดีที่สุดโดยเฉพาะเมื่อมันไหลมาจากซอกเขา น้ำจากต้นน้ำที่ดีที่สุดจะมีสีน้ำเงินและสั่นระริกไหวในแสงแดด แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบด้วยว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ใกล้ละแวกนั้นหรือไม่ หรือมีการตรวจวิเคราะห์สิ่งเจือปนในน้ำนั้นอย่างสม่ำเสมอหรือไม่เช่นกัน
คนต้องดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 - 2.5 ลิตร ผู้ที่ชอบดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ทำให้กระตุ้นการขับปัสสาวะซึ่งเท่ากับลดระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย จึงต้องดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป เราสามารถดื่มน้ำได้ตลอดเวลา และควรดื่มน้ำตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนนอน และครึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างอาหาร นอกจากนั้น ยามใดที่รู้สึกไม่สบาย ปวดศรีษะ เหนื่อยหรืออ่อนกำลังลง กระเพาะมีกรดมากไป ท้องผูก หัวใจเต้นผิดปกติ เครียด เป็นต้น วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยได้ทันทีคือดื่มน้ำเพิ่มขึ้น น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นน้ำชนิดเดียวที่มีสรรพคุณทุกชนิดพร้อมในตัว
น้ำที่ดีควรมีเกลือแร่และธาตุโลหะผสมปนอยู่หลายชนิดในสัดส่วนที่พอเหมาะ เมื่อเข้าสู่ร่างกายคนก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีที่ช่วยกระตุ้น ฟื้นฟู และธำรงความสมดุลของแร่ธาตุที่ประกอบเป็นร่างกายคน น้ำที่ไม่มีเกลือแร่เจือปนเลยหรือมีสารที่ร่างกายไม่ต้องการปนอยู่มากเกินไปนั้นไม่ดีต่อร่างกาย จริง ๆ แล้ว น้ำที่ได้จากวัฏจักรตามธรรมชาติของน้ำจะเป็นน้ำที่ดีพอ เพราะมันมีเวลาไหลลงสู่ชั้นพื้นดินตื้นลึกต่าง ๆ ผ่านเขตอุณหภูมิต่าง ๆ ในพื้นโลกแล้วไหลขึ้นมากับต้นไม้ป่าไม้ คายออกซิเจนหรือไหลเซาะดินตามทางที่ผ่านลงสู่ทะเล มีการคำนวณกันว่าปริมาตรน้ำที่ไหลวนจากแม่น้ำลำคลองและธารน้ำต่าง ๆ รวมกันลงทะเลและกลับขึ้นไปเป็นฝนมีจำนวนประมาณ 9,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร แต่วัฏจักรดังกล่าวถูกรบกวนมากขึ้นทุกที เนื่องจาการทำลายป่าเพื่อสร้างชุมชนใหม่ ๆ ความจริงตามวัฏจักรนี้ น้ำได้ผนวกเอาสารเกลือแร่ทั้งจากดินและบรรยากาศเอาไว้ แต่การที่มีระบบเก็บกักน้ำในที่โล่ง และมีกำแพงขอบกั้นในลักษณะของเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะในเขตร้อน ทำให้ร้อยละ 25 ของน้ำดังกล่าวระเหยไปในอากาศ คุณภาพตามธรรมชาติของน้ำถูกทำลายไปเสีย ที่จริงแล้วน้ำจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติเป็นน้ำที่ดีที่สุดโดยเฉพาะเมื่อมันไหลมาจากซอกเขา น้ำจากต้นน้ำที่ดีที่สุดจะมีสีน้ำเงินและสั่นระริกไหวในแสงแดด แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบด้วยว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ใกล้ละแวกนั้นหรือไม่ หรือมีการตรวจวิเคราะห์สิ่งเจือปนในน้ำนั้นอย่างสม่ำเสมอหรือไม่เช่นกัน
หน้าที่ของน้ำต่อสิ่งมีชีวิต
1. การใช้น้ำในร่างกายของสิ่งมีชีวิต เนื่องจากน้ำเป็นสารละลายที่เป็นกลาง
และไวต่อการทำปฏิกิริยาเคมี การรวมตัวกันทางเคมีทั้งหลายนั้นต้องการน้ำมาก เนื่องจากต้องทำให้สารเคมีทุกตัวลอยอยู่ในน้ำได้โดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลง
2. น้ำช่วยปรับร่างกายของสิ่งมีชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
เนื่องจากน้ำมีค่าความร้อนจำเพาะสูง ทำให้น้ำสามารถดูดหรือคายพลังงานความร้อนจำนวนมากได้
ก่อนที่อุณหภูมิของน้ำจะเปลี่ยนแปลง สมบัติขัอนี้ของน้ำมีความสำคัญมาก
โดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลือดอุ่น
เพราะจะทำให้สัตว์เหล่านั้นสามารถรักษาอุณหภูมิให้เหมาะกับการดำรงชีวิตได้
แม้ว่าอุณหภูมิรอบตัวจะเปลี่ยนแปลงมากเพียงใดก็ตาม
ปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายในหนึ่งวัน
สุขภาพของคนเราจะดีขึ้นด้วยวิธีง่ายๆ คือการดื่มน้ำให้พอเพียงในแต่ละวัน ‘ฉลาดดื่ม’ ด้วยสูตรสำเร็จง่ายๆ ดังนี้
1.ปริมาณที่ควรดื่มในแต่ละวัน มีสูตรคำนวณดังนี้ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วย 2 คูณด้วย 2.2 แล้วคูณด้วย 30 เช่น น้ำหนัก 55 กก. เท่ากับ 55/2 x 2.2 x 30 = 1815 ซีซี แต่ไม่ถึงขั้นต้องตวงดื่มกันนะครับ แค่เป็นตัวเลขคร่าวๆ ให้ใสใจที่จะดื่มให้พอเหมาะกับร่างกายของแต่ละคนเท่านั้น



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น